11 ข้อน่ารู้ สำหรับยางรถยนต์

ความรู้เกี่ยวกับยางรถยนต์ยางรถยนต์มีหน้าที่ที่ทำให้รถเกาะถนนที่ลื่นและต้องไม่ทำให้รถแฉลบไปมา เมือห้ามล้อหรือเลี้ยว ยางรถยนต์ทั่วไปมีลวดลายเรียกว่าดอกยาง (Tyre threads) ดอกยางประกอบด้วยรอยบากเป็นช่องแคบๆ (sipes) และคดหยักเป็นรูปฟันปลา ทั้งนี้เพื่อช่วยซับน้ำที่ผิวถนนและปล่อยน้ำออกไปทางด้านหลังในขณะที่ ล้อแล่นไปข้างหน้า เมื่อแล่นไปบนถนนที่เปียกแฉะ ยางต้องเคลื่อนย้าย น้ำออกมากกว่า 5ลิตร/วินาทีเพื่อให้รถเกาะถนนได้ดีพอ เมื่อรถแล่นไปบนถนนที่แห้งสนิท ดอกยางก็ไม่จำเป็น ยางเกลี้ยงทำให้ผิวหน้ายางสัมผัสกับถนนมากที่สุด แต่ถ้าใช้ยางเกลี้ยงในเวลามีฝน น้ำบน พื้นถนนจะรวมตัวเป็นผืนที่หน้าล้อและใต้ล้อเป็นเบาะรองล้อเอาไว้ (aquaplaning) จนราวกับว่ารถแล่นไปบนผืนน้ำ เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ขับขี่ย่อมบังคับรถไม่อยู่ รถส่วนใหญ่ต้องปฏิบัติงานในทุกสภาพอากาศ ยางจึงต้องมีดอก ต่างจาก รถแข่งซึ่งออกวิ่งเพียงปีละไม่กี่ครั้ง ถ้าหากทางวิ่งแห้ง รถแข่งจะใช้ยางเกลี้ยง (slick)เพื่อให้เกาะถนนได้ดีที่สุด ล้อรถแข่งมีหน้ายางกว้างเป็นพิเศษทำให้เกาะถนนได้ดีกว่ารถธรรมดาทั่วไป แต่ในเวลาที่มีฝนตก รถแข่งก็ต้องเปลี่ยน จากยางเกลี้ยงเป็นยางมีดอก

คำถามคำตอบในส่วนต่อไปนี้ จะช่วยให้ท่านมีความเข้าใจถึงการดูแลรักษายางอย่างถูกวิธี

1. ยางที่ใช้อยู่ควรจะเติมลมกี่ปอนด์ ?

การเติมลมยางให้ได้อัตราที่ถูกต้อง คือสิ่งสำคัญและจำเป็นที่สุดของการดูแลรักษายาง ยางที่ใช้อยู่ควรสูบลมให้ได้ตามอัตราสูบลมที่โรงงานผู้ผลิตรถยนต์ได้กำหนดไว้ โดยปกติแล้วอัตราสูบลมที่ถูกต้อง และเหมาะสมสำหรับรถแต่ละชนิดที่โรงงานผู้ผลิต รถยนต์กำหนดไว้นั้น จะระบุไว้ในแผ่นโลหะ หรือสติ๊กเกอร์ที่ติดไว้บริเวณสันประตูหรือเสากลางข้างตัวรถ หรือติดไว้ในช่องเก็บของภายในรถ นอกจากนั้น ยังมีระบุไว้ในหนังสือคู่มือการใช้รถอีกด้วย แต่หากท่านมิได้ใช้ยางขนาดเดียวกันกับยางที่ติดรถมา ท่านควรขอคำแนะนำเกี่ยวกับอัตราสูบลมยางที่เหมาะสมจากโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ หรือร้านจำหน่ายยางที่ได้มาตราฐาน สำหรับยางอะไหล่ ท่านควรสูบลมไว้ให้มากกว่ามาตราฐาน 3-4 ปอนด์ และลดลงให้กลับสู่อัตราปกติ เมื่อนำไปใช้ Continue reading

วิธีขับรถประหยัดรับหน้าฝน

ขับรถปลอดภัยใครที่มีความจำเป็นต้องเดินทางใช้รถใช้ถนนในช่วงฝนตกนี้ อาจจะต้องทำใจกันหน่อย หากรถจะติดมากกว่าเดิม เพราะฝนที่ตั้งใจเทกระหน่ำลง มาติดๆกันหลายวัน ชนิดที่ทำเอาข้าวของ แผ่นป้ายโฆษณาได้รับความเสียหายหลายๆแห่ง นอกจากเสียเวลาแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นตามไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ราคาน้ำมันยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนผู้ขับขี่รถยนต์ ต้องแบกรับภาระจากผลกระทบของราคาน้ำมันที่มาเร็วกว่าทุกครั้ง วันนี้เรามี “7 วิธีที่ประหยัดน้ำมันต้อนรับฤดูฝน”

1. หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลาหลังฝนตกใหม่ๆ

โดยหันมาใช้การติดต่อกันทางโทรศัพท์ อีเมล์ หรือหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า BTS
รถไฟฟ้าใต้ดินแทนก็จะสะดวกและประหยัดน้ำมัน ทั้งยังช่วยลดปัญหาการจราจร ที่ติดขัด เพราะหากผู้ใช้รถยนต์จำนวนร้อยละ 1 จากจำนวน รถทั้งหมด 8 ล้านคัน หันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ปีละ 83 ล้านลิตร หรือคิดเป็นเงินประมาณ 2,500 ล้านบาท (ราคาน้ำมัน 30 บาท ต่อลิตร) Continue reading